![]() |
มะเร็งในช่องปากเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อย หนึ่งในสิบอันดับของมะเร็งในประเทศไทย โดยพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงส่วนใหญ่มักจะพบมะเร็งในช่องปากในผู้สูงอายุที่มีอายุ 50-60 ปีขึ้นไป อาจพบในคนอายุน้อยได้บ้างแต่ไม่บ่อยนัก ในปี พ.ศ. 2551 มีผู้ป่วยรายใหม่ที่เป็นโรคมะเร็งช่องปากมากกว่า 260,000 รายทั่วโลก สำหรับโรคมะเร็งชนิดนี้ ในประเทศไทยยังเป็นปัญหาทางการแพทย์อยู่ ในปัจจุบัน แม้เซลล์มะเร็งที่เกิดบริเวณนี้ส่วนใหญ่จะโตไม่เร็วนัก แต่ก็มักตรวจพบในระยะเริ่มแรกค่อนข้างน้อย เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมาพบแพทย์เมื่อมีก้อนขนาดใหญ่หรือมีอาการมากแล้ว ซึ่งเป็นระยะที่ 3 และ 4 (advanced stage) ทำให้การรักษายากขึ้น
ตำแหน่งและอาการ มะเร็งในช่องปากพบได้หลายตำแหน่ง เช่น ริมฝีปาก เหงือก ลิ้น กระพุ้งแก้ม และ เพดานปาก เป็นต้น อาการส่วนใหญ่ของมะเร็งในช่องปาก คือ การพบก้อน หรือติ่งเนื้อ หรือ แผล เกิดขึ้น โดยก้อนเนื้อเหล่านั้น จะโตขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บเวลาสัมผัสหรือเวลากินอาหาร บางครั้งอาจจะมีเลือดออกจากก้อน หรือ มีการอักเสบเกิดขึ้นได้ ในผู้ป่วยบางราย อาจเริ่มด้วยมีลักษณะของแผลที่เหงือก ร่วมกับฟันโยกคลอน และ หลุดออก หรือ ในบางราย อาจพบก้อน หรือ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอโตขึ้น โดยที่ความผิดปกติในช่องปากยังมีไม่มากก็ได้
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งในช่องปากเกิดได้จากหลายปัจจัยได้แก่ 1 เกิดจากการสูบบุหรี่อยู่เป็นประจำ 2 เกิดจากการดื่มสุราโดยเฉพาะดื่มสุราร่วมกับการสูบบุหรี่ 3 เกิดจากการเคี้ยวหมากพลูเป็นประจำ โดยหมากพลูและปูนแดงไปก่อให้เกิดการระคายเคืองของเยื่อบุช่องปากซึ่งอาจจะกลายเป็นมะเร็งได้ 4 เกิดจากการสัมผัสกับแสงแดดจ้าเป็นเวลานาน ๆ มักจะเกิดเป็นมะเร็งได้ทีบริเวณริมฝีปาก 5 เกิดขึ้นกับผู้ที่ขาดสารอาหารและมีสุขภาพช่องปากไม่ดี เช่น มีฟันแหลมคม การใส่ฟันปลอมที่ไม่พอดี ทำให้เกิดเป็นแผลเรื้อรังและเกิดเป็น มะเร็งในที่สุด นอกจากนั้นยังพบว่ามีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆอีกหลายชนิด เช่น การรับประทานอาหารพวกปลาเค็ม การสูดดมควันไฟจากการปรุงอาหาร และการติดเชื้อจากไวรัสชนิดต่าง ๆ เช่น human papilloma virus (HPV) โดยเฉพาะ HPV type 16 และ 18 , herpes simplex virus type I ซึ่งพบได้ในผู้ป่วยมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคออื่น ๆ ด้วย
อาการบ่งชี้ของมะเร็งในช่องปาก · ลิ้นมีรอยฝ้าขาว (White patch) รอยฝ้าแดง (Red patch) ฝ้าขาวปนแดง รักษาแล้วไม่ดีขึ้น · มีตุ่มหรือก้อน (Mass) ที่โตขึ้นเรื่อย ๆ · มีแผลเรื้อรัง (Ulceration) ที่รักษาแล้วไม่หายภายในสองสัปดาห์ · มีฟันโยกหรือฟันหลุดที่ไม่ได้เกิดจากฟันผุ · มีก้อนที่คอ หากท่านพบว่ามีอาการดังกล่าวข้างต้น ที่ไม่หายเกิน 2 สัปดาห์ มีอาการเจ็บ มีเลือดออก หรือพบมีก้อนที่บริเวณลำคอโตผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพราะหากพบมะเร็งช่องปากในระยะเริ่มต้นสามารถรักษาให้หายได้ มะเร็งที่เกิดขึ้นในช่องปากสามารถแพร่กระจายอย่างรวดเร็วผ่านระบบน้ำเหลือง โดยอาการแรกจะพบก้อนโตที่คอเนื่องจากเซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลืองที่คอ (Lymphatic spread) และอาจมีการลุกลามแพร่กระจายไปยังอวัยวะข้างเคียง (Local invasion) เช่น ปอด หรือแม้แต่กระดูกขากรรไกร และผิวหน้า ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะรุนแรงมักพบอาการขาดสารอาหาร การติดเชื้อในกระแสเลือด ปอดอัดเสบ และอาจแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ด้วย
การรักษา หากเป็นมะเร็งในช่องปากแล้ว ขณะที่เป็นยังไม่มากสามารถรักษาให้หายขาดได้ ในปัจจุบันวิธีการรักษาที่เป็นที่ยอมรับและได้ผล คือ การผ่าตัด และ การฉายรังสี ซึ่งอาจจะใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง หรือใช้ทั้งสองอย่างร่วมกันก็ได้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค ถึงแม้ว่าจะเป็นมะเร็งในช่องปากระยะที่เริ่มลุกลามแล้ว ยังมีคนไข้ส่วนหนึ่งซึ่งแพทย์สามารถที่จะรักษาเพื่อควบคุมอาการของโรคได้ค่อนข้างดี
การป้องกันไม่ให้เกิดมะเร็งในช่องปาก โรคมะเร็งในช่องปากสามารถป้องกันได้โดยการไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ รักษาสุขอนามัยในช่องปาก และรักษาสุขภาพโดยรวมโดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
อ้างอิง 1. กฤติกาและคณะ การตรวจหาเชื้อไวรัสฮิวแมนแพพพิโลมากับปัจจัยทางพยาธิคลินิกในผู้ป่วย มะเร็งช่องปากและช่องคอ วารสารโรคมะเร็ง ปีที่ 3 ฉบับที่ 2 เมษายน ถึง มิถุนายน 2556 2 เว็บไซต์สถาบันมะเร็งแห่งชาติ 3 สาขาวิชาศัลยศาสตร์ ศีรษะ คอ และ เต้านม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เว็บไซต์ความรู้สู่ประชาชน ภาพประกอบจาก freedigitalphotos.net by patrisyu |