![]() |
โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นปัญหาสำคัญที่พบในผู้หญิงไทยและผู้หญิงทั่วโลกรองลงมาจากมะเร็งเต้านม แต่หากตรวจพบแต่เนิ่น ๆ ก็สามารถรักษาให้หายได้
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก ได้แก่ สาเหตุของมะเร็งปากมดลูกนั้นยังไม่แน่ชัด แต่อาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุหลายประการ เช่น การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย การมีคู่นอนหลายคนและเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ การมีบาดแผลฉีกขาดหรือมีอาการอักเสบของปากมดลูกโดยไม่ได้รับการรักษา การติดเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เป็นโรคทางเพศสัมพันธ์ เช่น กามโรค หนองใน เริม ภูมิคุ้มกันบกพร่อง และการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV, Human Papilloma Virus) ที่ในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับแล้วว่าเป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูก นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากคู่นอนได้ด้วย เช่น การมีสามีที่สูบบุหรี่จัด และการที่สามีไม่ได้ขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ
อาการที่บ่งบอกว่าอาจจะป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูก ในระยะแรกอาจตรวจไม่พบอาการใด ๆ แต่อาจสังเกตได้จากการมีตกขาวออกมามากผิดปกติ มีกลิ่นรุนแรงและมีเลือดปนออกมาซึ่งมักจะเกิดขึ้นเมื่อมะเร็งลุกลามไปแล้ว การมีประจำเดือนไม่ปกติ มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ มีเลือดออกหลังวัยหมดประจำเดือน รวมถึงมีอาการอ่อนเพลีย ซีด เบื่ออาหารและน้ำหนักลดร่วมด้วย
การตรวจรักษา 1. ในขั้นแรกผู้ป่วยจะต้องเข้ารับการตรวจภายในและทำแป็ปสเมียร์ ซึ่งจะป้ายเซลล์จากปากมดลูกและนำไปส่องกล้องดูซึ่งจะสามารถตรวจพบเซลล์มะเร็งได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ซึ่งหากตรวจพบตั้งแต่ในระยะนี้ การรักษาจะได้ผลดีและอาจหายจากโรคได้ 100%
2. เมื่อตรวจพบเซลล์มะเร็ง ก็จะต้องทำการรักษาต่อไปซึ่งการรักษาก็มีด้วยกันหลายวิธีขึ้นอยู่กับระยะของโรค สำหรับมะเร็งในระยะเริ่มแรกแพทย์จะใช้การผ่าตัดเนื่องจากสามารถรักษาให้หายได้ 80-100% แต่อย่างไรก็ตามต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ อีก เช่น ความต้องการฮอร์โมนของผู้ป่วย อายุ และความแข็งแรงของผู้ป่วยด้วย
3. การใช้รังสีรักษาและเคมีบำบัด จะใช้รักษาในกรณีที่มะเร็งมีการลุกลามไปแล้วอาจทำการรักษาเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือใช้ทั้งสองวิธีร่วมกันขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์
4.การใช้รังสีรักษาร่วมกับการผ่าตัด อาจจะใช้สองวิธีนี้ร่วมกันในกรณีที่ก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่ หลังจากการรักษาด้วยรังสีเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งแล้วอาจต้องตัดออกเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่กลับมาเป็นอีก
การป้องกันมะเร็งปากมดลูก จะเห็นได้ว่ามะเร็งปากมดลูกมีสาเหตุหลักมาจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะเชื้อไวรัส HPV ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังตัวเอง ไม่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ และสตรีที่มีอายุสามสิบปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจภายในอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
ขอบคุณภาพประกอบจาก freegreatpicture.com |